ในยุคที่อุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและการแข่งขันที่สูงขึ้น ซีพีแรมได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่เวทีโลก ด้วยการประกาศลงทุนมูลค่ามหาศาลถึง 300 ล้านบาท เพื่อก่อตั้งศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารหรือ FTEC (Food Technology Exchange Center) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “เอฟเทค” ซึ่งถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารระดับโลก
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทานชั้นนำของประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการว่า เฟสแรกของ FTEC ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่อาคารฟู้ด เทคโนโลยี ธาราพาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์รวมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหารที่ครบวงจร
สำหรับเฟสแรกนี้ ทางบริษัทได้มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีอาหารในด้าน Biotech โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทางวิชาการชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการอาหาร (SMAFT) จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และบริษัท ซีพี ฟู้ดเเล็บ จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมอาหารโดยเฉพาะ
ในส่วนของแผนการพัฒนาในอนาคต นายวิเศษได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในเฟสที่ 2 และ 3 ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี Robotech และ Digitech ตามลำดับ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 100-200 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้ การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยยกระดับกระบวนการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารของไทยให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงขึ้น รวมถึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
“เอฟเทค จะมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารของไทย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี” นายวิเศษกล่าว “เป้าหมายหลักของเราคือการยกระดับความสามารถของอุตสาหกรรมอาหารไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นเอง ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยจากการเป็นเพียง ‘ครัวโลก’ ไปสู่การเป็น ‘ผู้นำนวัตกรรมอาหารระดับโลก’ โดยศูนย์แห่งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 200 คน”
นอกจากนี้ ศูนย์ FTEC ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมอาหาร โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่จำเป็นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
ในบทบาทของการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน นายวิเศษยังได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซีพีแรมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน “ซีพีแรมไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่ที่มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกระดับ และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก”
ปัจจุบัน ซีพีแรมถือเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของประเทศ โดยมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 16 โรงงาน และเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นเครือข่ายการจำหน่ายที่ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง
สำหรับผลประกอบการทางธุรกิจ บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องในระดับสองหลัก หรือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะเพิ่มรายได้เป็น 34,000 ล้านบาทภายในปี 2569 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจ
การลงทุนในโครงการ FTEC นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของซีพีแรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยทั้งระบบ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่างๆ จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จำเป็นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Biotech, Robotech และ Digitech ยังจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์อาหารของไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านอาหารระดับโลก
ในยุคที่พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการมีเพิ่มมากขึ้น การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร การก่อตั้งศูนย์ FTEC ของซีพีแรมจึงถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมอาหารไทยและเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศในระยะยาว
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซีพีแรมไม่เพียงแต่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทานเท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารระดับโลก สมกับเป้าหมายการเป็น “ครัวโลก” ที่ไม่เพียงแต่ผลิตอาหารที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต