โวยรัฐบาลฉีดวัคซีนล่าช้ามาก จัดหาไม่พอเปิดประเทศไม่ทัน

เรื่องที่น่าสนใจ

หอการค้าไทยชี้ไทยฉีดวัคซีนล่าช้ามาก และหวั่นรัฐจัดหาให้ไม่เพียงพอ ย้ำสมาชิกกว่า 600 บริษัทพร้อมจ่ายเงินฉีดเอง พร้อมจี้รัฐบาลเปิดประเทศเร็วที่สุดแบบปลอดภัย

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง “ทางรอดเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด” ว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นสิ่งสำคัญต่อการเปิดประเทศและ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ไทยเพิ่งเริ่มฉีดวัคซีนได้เพียงแค่ 40,000 โดส ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่วนแผนกระจายของรัฐบาล ทราบว่าได้ทำสัญญา ซื้อไปแล้ว 60 ล้านโดส แต่จะเริ่มฉีดให้กับคนไทยได้อย่างเต็มที่เดือนละ 10 ล้านโดส เริ่มเดือน มิ.ย.64 นั้น ถือว่าล่าช้ามาก เพราะทั่วโลกหรือแม้แต่ในอาเซียน อย่างเวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ฉีดไปแล้ว ส่วนอิสราเอล ฉีดให้ประชาชนครบทั้งประเทศ และได้ทำทราเวล บับเบิล กับหลายประเทศแล้ว หากไทยยังช้าอยู่ จะยิ่งทำให้การเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจล่าช้ามาก

“ขณะนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นแล้ว คู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ก็เริ่มฟื้น แต่ไทยพร้อมหรือยังสำหรับการเปิดประเทศ ภาคเอกชนต้องการ ให้เปิดประเทศเร็วที่สุดแบบปลอดภัย แต่ปัญหาของไทยขณะนี้คือ การจัดหาวัคซีนเพียงพอหรือไม่ ทราบว่ารัฐทำสัญญาซื้อแล้ว 60 ล้านโดส ถ้าฉีดคนละ 2 เข็ม เท่ากับฉีดได้เพียง 30 ล้านคน แต่ทางการแพทย์การจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากรทั้งประเทศ หรือราว 50 ล้านคน ดังนั้นรัฐต้องจัดหาเพิ่มขึ้นอีก 40 ล้านโดส รวมเป็น 100 ล้านโดส จะจัดหาได้หรือไม่”

นายกลินท์ กล่าวต่อว่า หากรัฐจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับคนไทยได้ตามแผน รวมถึงการจัดทำวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับคนต่างชาติ จะทำให้ไทยเปิดประเทศได้เร็ว และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น คาดว่าประมาณไตรมาส 4 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น และทั้งปี 64 จะขยายตัวได้ 3-4% ซึ่งก่อนปี 62 ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 3 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นรายได้จากต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท แต่ในปี 63 รายได้ส่วนนี้หายไป และปี 64 ก็แทบจะไม่มีเลย แต่หากไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ตามแผน การเปิดประเทศและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะล่าช้าตาม

“จากการที่หอการค้าไทยได้ออกแบบสอบถาม ภาคธุรกิจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน พบว่ามีบริษัทราว 600 ราย ที่พร้อมจะจ่ายเงินค่าวัคซีนให้กับครอบครัว และพนักงาน ทั้งคนไทยและต่างด้าวครอบคลุมประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งหลังจากนี้หอการค้าไทยจะนำเสนอความต้องการดังกล่าวต่อภาครัฐ เพื่อให้รัฐช่วยจัดหาวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตหลายๆราย ไม่ว่าจะเป็นแอสตราเซเนกา, ไฟเซอร์, ซิโนแวค เป็นต้น ให้กับเอกชน โดยอาจจะให้องค์การเภสัชเป็นผู้จัดซื้อให้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของนายกลินท์ ซึ่งครบวาระ โดยว่าที่ประธานฯคนใหม่ คือ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)

https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2051659